กองทัพเรือที่ประชาชนเชื่อมั่นและภาคภูมิใจ                                       กองทัพเรือที่ประชาชนเชื่อมั่นและภาคภูมิใจ                                         กองทัพเรือที่ประชาชนเชื่อมั่นและภาคภูมิใจ

บทความ วันวชิราวุธ ๒๕ พฤศจิกายน วันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖

Release Date : 16-11-2023 00:00:00
บทความ วันวชิราวุธ ๒๕ พฤศจิกายน  วันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖

ความเป็นมาของวันวชิราวุธ

วันวชิราวุธ ตรงกับวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ของทุกปี สาเหตุที่กำหนดให้เป็นวันนี้ เนื่องจากตรงกับวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ซึ่งทรงประกอบพระราชกรณียกิจ ที่เป็นประโยชน์อย่างมากมายมหาศาลต่อประเทศชาติ ทั้งในด้านการคมนาคม การปกครอง กิจการเสือป่าและลูกเสือ รวมทั้งด้านศิลปวัฒนธรรมและด้านวรรณคดี 

เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวสวรรคต ทางการจึงกำหนดให้วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ของทุกปี เป็นวันวชิราวุธ เพื่อเทิดพระเกียรติและรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน ทั้งนี้ ภายหลังมีหลักฐานยืนยันว่า วันสวรรคตจริงตรงกับเช้ามืดช่วงตี ๑ ของวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน แต่ทางราชการยังคงถือว่าวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน เป็นวันวชิราวุธ

พระราชประวัติของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ พระราชบิดาแห่งการลูกเสือไทย

-  พระราชสมภพเมื่อวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ.๒๔๒๓ ได้รับพระราชทานนามว่าสมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ

-  เมื่อทรงพระเยาว์ได้ศึกษาวิชาภาษาไทยกับพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) จนแตกฉาน

-  พระชนมายุ ๑๔ พรรษา ก็เสด็จไปศึกษาต่อ ณ ประเทศอังกฤษเป็นเวลา ๙ ปี

-  เมื่อพระชนมายุได้ ๓๐ พรรษา ก็เสด็จเถลิงถวัลราชสมบัติ เมื่อวันที่ ๒๓ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๕๓ 

   ทรงพระนามว่า พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

-  พระองค์ทรงครองราชย์ได้ ๑๖ ปี ก็เสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๖๘ รวมพระชนมายุ

   ได้ ๔๖ พรรษา

 

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ลำดับที่ ๖ แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ และทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕) กับสมเด็จพระนางเจ้าศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ (พระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี) ทรงพระราชสมภพเมื่อวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ.๒๔๒๓ ได้รับพระราชทานนามว่า สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ ต่อมาในปี พ.ศ.๒๔๓๗ ทรงได้รับสถาปนาเป็น "สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมาร"

สมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ  ได้เสด็จเถลิงถวัลราชสมบัติต่อจากสมเด็จพระบรมชนกนาถ เมื่อวันที่ ๒๓ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๕๓ ทรงพระนามว่า พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ตลอดรัชสมัยของพระองค์ ได้ทรงประกอบพระราชกรณียกิจอันเป็นคุณประโยชน์อย่างใหญ่หลวงต่อประเทศชาติไว้หลายด้านด้วยกัน พระองค์ทรงครองราชย์ได้เพียงแค่ ๑๖ ปี ก็เสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๖๘ รวมพระชนมายุได้ ๔๖ พรรษา

 

เพื่อระลึกถึงในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์รัฐบาลและประชาชน จึงร่วมใจกันสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ของล้นเกล้ารัชกาลที่ ๖ ประดิษฐานไว้หน้าสวนลุมพินี กรุงเทพมหานคร และคณะลูกเสือแห่งชาติร่วมกับคณะลูกเสือทั่วราชอาณาจักรได้สร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ไว้ ณ ค่ายลูกเสือวชิราวุธ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เพื่อเป็นพระราชานุสรณ์อีกแห่งหนึ่งด้วย

พระราชกรณียกิจที่สำคัญ ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖

ด้านการปกครอง

๑.  ทรงปลูกฝังความรู้สึกรักชาติให้เกิดขึ้นในจิตใจของคนไทย
          ๒.  ทรงตั้งกองเสือป่าขึ้น เมื่อวันที่  ๑ พฤษภาคม  พ.ศ.๒๔๕๔
          ๓.  ทรงตั้งกองลูกเสือขึ้น เมื่อวันที่  ๑  กรกฎาคม  พ.ศ.๒๔๕๔
          ๔.  ทรงตั้งดุสิตธานีเมืองจำลองขึ้น เพื่อให้เป็นนครตัวอย่างของการปกครองแบบประชาธิปไตย

ด้านการทหาร

๑.  ทรงตั้งสภาป้องกันพระราชอาณาจักร กระทรวงทหารเรือ

๒.  ทรงตั้งกองบินกองทัพบก (ปัจจุบัน คือ กองทัพอากาศ)

๓.  ทรงสร้างเรือรบและจัดหายุทโธปกรณ์อันทันสมัยมาใช้

ด้านการคมนาคม

๑.  ทรงตั้งกรมอากาศยานขึ้น

๒.  ทรงตั้งสถานีวิทยุโทรเลขที่กรุงเทพฯ (ตำบลศาลาแดง) และที่จังหวัดสงขลา

๓.  ทรงตั้งกรมรถไฟหลวงขึ้นเมื่อ พ.ศ.๒๔๖๐

ด้านการศึกษา

๑.  ทรงปรับปรุงโรงเรียนข้าราชการพลเรือนจนพัฒนาเป็นจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในปัจจุบัน

๒.  ทรงตั้งกรมมหาวิทยาลัย

๓.  ทรงตั้งโรงเรียนเพาะช่างโรงเรียนพาณิชยการ โรงเรียนฝึกหัดครูกสิกรรม

๔.  ทรงตราพระราชบัญญัติประถมศึกษา พระราชบัญญัติโรงเรียนราษฎร์

ด้านเศรษฐกิจ

๑.  ทรงจัดตั้งคลังออมสินขึ้นเมื่อ พ.ศ.๒๔๕๖

๒.  ทรงตั้งกรมพาณิชย์และสถิติพยากรณ์

๓.  ทรงตั้งกรมสรรพากร และกรมตรวจเงินแผ่นดิน

ด้านสาธารณสุข

๑.  โปรดให้ตั้งโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์

๒.  ทรงตั้งสถานเสาวภา และกรมสาธารณสุข

๓.  ทรงเปิดการประปา

ด้านต่างประเทศ

ทรงนำชาติไทยเข้าร่วมในสงครามโลกครั้งที่ ๑ โดยอยู่ฝ่ายสัมพันธมิตรซึ่งเป็นฝ่ายชนะ ทำให้สามารถเจรจาแก้ไขสนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรมดาได้ เช่น สนธิสัญญาเกี่ยวกับเรื่องการเก็บภาษี และสิทธิสภาพนอกอาณาเขต

ด้านวรรณคดี

ทรงพระราชนิพนธ์หนังสือต่าง ๆ บทความ บทกวี บทละคร เรื่องสั้น ทั้งร้อยแก้วและร้อยกรองเป็นจำนวนประมาณ  ๒๐๐ เรื่อง ด้วยพระปรีชาสามารถทางด้านนี้ประชาชนจึงได้ขนานนามพระองค์ ว่า สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า

การพระราชทานกำเนิดลูกเสือไทย

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมรพระราชดำริว่า วิธีการลูกเสือตามแบบของลอร์ด เบดาน โพเอลล์ สามารถนำมาใช้ปลูกฝังเด็กไทยให้เกิดความรักชาติบ้านเมือง และบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมได้ จึงทรงจัดให้มีกองลูกเสือสำหรับเด็กชายขึ้น แต่ทรงวิตกว่า ประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจวัตถุประสงค์และกิจการของลูกเสือดีพอ อาจทำให้มีอุปสรรคเกิดขึ้นได้ เพราะประชาชนอาจเข้าใจผิดคิดว่า การฝึกลูกเสือคือ การเป็นทหารนั่นเอง

ดังนั้น พระองค์จึงทรงทดลองจัดตั้งกองเสือป่าขึ้นมาก่อน เมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๕๔ โดยทรงนำพวกมหาดเล็กของพระองค์ที่พระราชวังสราญรมย์  และพระราชวังสนามจันทร์มาฝึกยุทธวิธีในการรบ การสอดแนมตามหลักวิชาการทหารก่อนต่อมาทรงเห็นว่า  ประชาชนเริ่มให้การยอมรับ จึงทรงขยายกองเสือป่าไปทั่วราชอาณาจักร

กองเสือป่าที่ตั้งขึ้นนี้มีพระองค์ทรงเป็นบังคับบัญชา ทุกคนที่เข้าประจำการต้องเข้าพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา ซึ่งได้ทำพิธีครั้งแรก ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๕๔

 

วัตถุประสงค์ของการจัดตั้งกองเสือป่า

๑.  ปลูกฝังความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์

๒.  ปลูกฝังความมีระเบียบวินัย

๓.  ปลูกฝังความสามัคคีในหมู่คณะไม่ทำลายซึ่งกันและกัน

๔.  เป็นกำลังสำรองเมื่อเกิดศึกสงคราม และคอยช่วยเหลือราชการในกิจการต่าง ๆ

 

เมื่อพระองค์ทรงเห็นว่า ประชาชนเริ่มให้การยอมรับในกิจการของกองเสือป่าจึงโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งกองลูกเสือสำหรับเด็กชายขึ้นที่โรงเรียนมหาดเล็กหลวง (ปัจจุบันคือ โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย) เมื่อวันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๕๔ มีชื่อว่า กองลูกเสือกรุงเทพฯ ที่ ๑ และได้พระราชทานคำขวัญให้ว่า เสียชีพอย่าเสียสัตย์

กองลูกเสือกรุงเทพฯ ที่ ๑ ได้ทำพิธีเข้าประจำกอง เมื่อวันที่ ๒ กันยายน พ.ศ.๒๔๕๔ พระองค์ได้ทรงพระราชทานนามกองลูกเสือกองนี้ว่า กองลูกเสือหลวง

เป้าหมายในการฝึกอบรมกองลูกเสือ

๑.  เพื่อปลูกฝังความจงรักภักดีต่อผู้ทรงดำรงรัฐสีมาอาณาจักรโดยต้องตามนิติประเพณี

๒.  เพื่อปลูกฝังความรักชาติบ้านเมืองและนับถือพระศาสนา

๓.  เพื่อปลูกฝังความสามัคคีในหมู่คณะและไม่ทำลายซึ่งกันและกัน

 

การดำเนินการลูกเสือในระยะแรกนั้น พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงบังคับบัญชาด้วยพระองค์เอง เป็นต้นว่า ทรงตราระเบียบข้อบังคับในการฝึกอบรมขึ้นเป็นแบบแผน ทรงตั้งสภากรรมการกลางจัดการลูกเสือแห่งชาติขึ้น โดยพระองค์ทรงดำรงตำแหน่งสภานายก สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เป็นอุปนายก นับตั้งแต่นั้นมา กิจการลูกเสือก็เจริญก้าวหน้าแพร่หลายไปยังท้องถิ่นต่าง ๆ ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย จนตราบเท่าทุกวันนี้

 

แหล่งที่มา http://119.46.166.126/digitalschool/p4/hi4_1/lesson1/content1/more/page12.php