กองทัพเรือที่ประชาชนเชื่อมั่นและภาคภูมิใจ                                       กองทัพเรือที่ประชาชนเชื่อมั่นและภาคภูมิใจ                                         กองทัพเรือที่ประชาชนเชื่อมั่นและภาคภูมิใจ

บทความ ๗ พระราชกรณียกิจในหลวง รัชกาลที่ ๑๐ "ดูแลทุกข์สุขอาณาราษฎร"

Release Date : 16-01-2023 00:00:00
บทความ ๗ พระราชกรณียกิจในหลวง รัชกาลที่ ๑๐ "ดูแลทุกข์สุขอาณาราษฎร"

พระราชกรณียกิจ ๗ ด้านที่ ในหลวง รัชกาลที่ ๑๐ ทรงปฏิบัติเพื่อความอยู่ดีมีสุขของอาณาราษฎรชาวไทย  ทุกหมู่เหล่าภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร

นับตั้งแต่เสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๖๒ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทร มหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมุ่งมั่นปฏิบัติพระราชกรณียกิจ นานัปการเพื่อความอุดมสมบูรณ์ สงบร่มเย็น ของประเทศไทย และหลอมรวมจิตใจคนไทยให้เป็นหนึ่งเดียว ด้วยทรงตั้งมั่นพระราชหฤทัยที่จะสืบสานรักษาและต่อยอดตามแนวพระราชดำริ และพระราชกรณียกิจ ในพระบรมชนกนาถ และพระบรมราชชนนี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาครบ ๗๐ พรรษา ในวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๕ 

๗ พระราชกรณียกิจ ในหลวง รัชกาลที่ ๑๐ ที่ทรงปฏิบัติเพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขี ให้อาณาราษฎรมีชีวิตความเป็นอยู่อย่างมั่นคงและยั่งยืนบนผืนแผ่นดินไทย 

 

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พระราชทานพระบรมราชวโรกาส ให้คณะกรรมการมูลนิธิ ม.ท.ศ. นำนักเรียนผู้รับทุนการศึกษาพระราชทานรุ่นที่ ๑๓ ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๔ เฝ้าฯ รับพระราชทานทุน เมื่อวันที่ ๒๘ ก.ค. ๒๕๖๔ ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต

นอกจากนี้ตลอดปีที่ผ่านมายังทรงดำเนินพระราชกรณียกิจต่าง ๆ อาทิ ทรงประกอบพิธียกฉัตรขึ้นประดิษฐานเหนือพระประธานพระวิหาร “พระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง” ณ วัดมหาวนาราม อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อให้พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์เป็นศูนย์รวมทางจิตใจของชาวอุบลราชธานี และถวายเป็นพุทธบูชา, ทรงเปิดแพรคลุมป้าย “เจดีย์อัฐบริขารเขมาภิรโต” และทรงประกอบพิธีสมโภช “พิพิธภัณฑ์อัฐบริขารหลวงปู่ขาว อนาลโย” ณ วัดถ้ำกลองเพล อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู เป็นต้น รวมทั้งเสด็จฯ บำเพ็ญพระราชกุศลในวันสำคัญทางศาสนาต่าง ๆ

 

ทรงเปิดอาคารนวมินทรบพิตร ๘๔ พรรษา ที่โรงพยาบาลศิริราช เมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๖๕

ด้านสาธารณสุข

ทรงตระหนักว่าการมีสุขภาพอนามัยที่สมบูรณ์จะนำไปสู่สุขภาพจิตที่ดี และสามารถทำประโยชน์ด้านอื่น ๆ ต่อไปได้ พระองค์จึงได้พระราชทานความช่วยเหลือและแนวพระราชดำริการแก้ไขปัญหาด้านสาธารณสุขเรื่อยมา โดยนับตั้งแต่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – ๑๙ ในประเทศไทยตั้งแต่ปี ๒๕๖๓ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดอย่างใกล้ชิด พร้อมพระราชทานพระบรมราโชบายในการดำเนินมาตรการต่าง ๆ ด้วยทรงห่วงใยประชาชน และบุคลากรทางการแพทย์

อีกทั้งทรงมีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานรถเก็บตัวอย่าง ชีวนิรภัย จำนวน ๓๖ คัน, รถวิเคราะห์ผลด่วนพิเศษ จำนวน ๕ คัน, รถเอกซเรย์ระบบดิจิทัลจำนวน ๒ คัน รวมทั้งรถต่อพ่วงชีวนิรภัย จำนวน ๖ คัน เพื่อปฏิบัติงานเชิงรุกภาคสนามในการตรวจหาเชื้อโควิด ๑๙ ในพื้นที่เป้าหมายอย่างต่อเนื่อง พระราชทานชุด PPE แบบเสื้อคลุมกันน้ำชนิดใช้ครั้งเดียว ชุด PPE แบบชุดหมีกันน้ำชนิดใช้ครั้งเดียว และชุด PPE แบบเสื้อคลุมกันน้ำชนิดใช้ซ้ำได้ จำนวน ๓ รุ่น รวม ๗๐๐,๐๐๐ ตัว และพระราชทานพระราชทรัพย์  ส่วนพระองค์ จำนวน ๑๒๒ ล้านบาท ในการจัดหารถยนต์และอุปกรณ์การแพทย์ดังกล่าว เพื่อกระจายไปยังโรงพยาบาลต่าง ๆ ทั่วประเทศ

พระราชทานรถเอกซเรย์ระบบดิจิทัล คันแรกในประเทศไทยที่มีระบบ AI หรือปัญญาประดิษฐ์ทันสมัยที่สุด ให้แก่กระทรวงสาธารณสุข เพื่อนำไปสนับสนุนการปฏิบัติงานของบุคลากรทางการแพทย์ อันเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพทางการแพทย์ในการป้องกันดูแลสุขภาพอนามัยประชาชนอย่างครบวงจร อีกทั้งยังรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – ๑๙

 

พร้อมกันนี้ยังพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ สมทบทุนและจัดหาอุปกรณ์การแพทย์ให้กับโรงพยาบาลและสถานที่ต่าง ๆ เพื่อใช้ในการตรวจรักษาผู้ป่วยอย่างเท่าเทียมกัน อาทิ พระราชทานทรัพย์ จำนวน ๑๐๐ ล้านบาท สมทบทุนสร้างอาคารนวมินทรบพิตร ๘๔ พรรษา โรงพยาบาลศิริราช, พระราชทานทรัพย์ จำนวน ๒,๔๐๗,๑๔๔,๔๘๗.๕๙ บาท แก่โรงพยาบาล วิทยาลัยแพทย์ และสถานพยาบาล ๒๗ แห่ง เพื่อจัดซื้อเครื่องมือ ครุภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์พระราชทานรถพยาบาลกู้ชีพฉุกเฉิน พร้อมอุปกรณ์ทางการแพทย์และอุปกรณ์สื่อสารแก่โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข จำนวน ๔ แห่ง ได้แก่  โรงพยาบาลสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี, โรงพยาบาลบันนังสตา จังหวัดยะลา, โรงพยาบาลอุ้มผาง จังหวัดตาก และโรงพยาบาลแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน

น้ำพระราชหฤทัยยังแผ่ไปถึงผู้ต้องขังในเรือนจำทั่วประเทศ ในการพระราชทานทรัพย์ จำนวน ๓๔๕ ล้านบาทแก่ เรือนจำ ทัณฑสถาน และโรงพยาบาลแม่ข่ายของเรือนจำ ๔๔ แห่ง เพื่อจัดซื้อครุภัณฑ์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ในโครงการ “ราชทัณฑ์ปันสุข ทำความ ดี เพื่อชาติศาสน์ กษัตริย์” ให้ความช่วยเหลือพสกนิกรทุกหมู่เหล่าให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี แม้เป็นผู้ต้องขังแต่ต้องเข้าถึงบริการทางการแพทย์และสาธารณสุขอย่างทั่วถึง ตามหลักมนุษยธรรมและสอดคล้องกับข้อกฎหมายเกี่ยวข้องกับงานราชทัณฑ์ ข้อกำหนดแมนเดลา และข้อกำหนดกรุงเทพฯ ที่เป็นข้อกำหนดของสหประชาชาติ

 

พระราชกรณียกิจ ในหลวง รัชกาลที่ ๑๐ ทรงเปิดโครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้ง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลหนองฝ้าย อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี

การบริหารจัดการน้ำ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับ “โครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้ง” ของ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เมื่อวันที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๖๔ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ราษฎรจากภาวะวิกฤติภัยแล้ง จำนวน ๑๕ แห่ง ในพื้นที่ ๑๑ จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ ลำพูน ขอนแก่น กาฬสินธุ์ นครพนม ศรีสะเกษ ฉะเชิงเทรา กาญจนบุรี นครปฐม ราชบุรี และพัทลุง ซึ่งเมื่อดำเนินการแล้วเสร็จทุกพื้นที่ จะมีประชาชนได้รับประโยชน์ไม่น้อยกว่า ๓๗,๖๐๐ ครัวเรือน หรือ ๑๔๓,๐๐๐ คนครอบคลุมพื้นที่กว่า ๕๕๗,๐๐๐ ไร่ ปริมาณน้ำรวม ๑๑.๑ ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี ช่วยประหยัดรายจ่ายให้ประชาชนกว่า ๕๐๐ ล้านบาทต่อปี จากการมีน้ำดื่มสะอาดไว้บริโภค

ในการนี้ เมื่อต้นเดือน เมษายน ๒๕๖๕ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ ไปทรงเปิดโครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลหนองฝ้าย อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งได้รับการขนานนามว่า “อีสานภาคกลาง” เนื่องจากสภาพภูมิประเทศ เป็นพื้นที่ราบเชิงเขา และเป็นพื้นที่เงาฝน ไม่มีระบบชลประทาน ประชาชนในหนองฝ้ายต้องจ้างรถบรรทุกน้ำ สำหรับใช้อุปโภคบริโภค บางคนไม่มีน้ำใช้ในการเกษตรหรือปศุสัตว์ต้องเสียเงินเพื่อใช้ในการสูบน้ำจากบ่อเพื่อมาทำการเกษตร และเลี้ยงสัตว์ ทำให้มีรายจ่ายมากกว่ารายรับ ชีวิตเป็นอยู่แสนยากเข็ญ

 

พระราชทานความช่วยเหลือแก่พสกนิกรที่ได้รับความเดือดร้อน กรณีเกิดเหตุระเบิดและเกิดเพลิงไหม้อย่างรุนแรง    ภายในบริษัท หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด เมื่อเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๔

ด้านการบรรเทาความเดือดร้อนจากภัยพิบัติและความรุนแรง

ทรงทราบถึงความตั้งใจและความทุ่มเทของเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ ที่ปฏิบัติหน้าที่ในจังหวัดชายแเดนภาคใต้ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด เชิญสิ่งดอกไม้และสิ่งของพระราชทานไปมอบแก่เจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บ หรือเจ้าหน้าที่ที่สูญเสียชีวิตระหว่างที่ปฏิบัติหน้าที่ และยังมีพระมหากรุณาธิคุณรับศพไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ พร้อมทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เชิญสิ่งของพระราชทานไปมอบให้แก่ครอบครัวเจ้าหน้าที่ที่เสียชีวิตยังถิ่นพำนัก เพื่อพระราชทานกำลังใจให้ครอบครัวผู้สูญเสีย มีขวัญและกำลังใจในการดำเนินชีวิตต่อไป

ภาพความเดือดร้อนแสนสาหัสของพสกนิกรเมื่อต้องประสบกับวาตภัยที่พัดพาบ้านเรือนสูญหาย หรือบ้านเรือนราษฎรที่มอดไหม้ไปกับกองเพลิงอันแสนดุร้าย มิได้อยู่ไกลจากสายพระเนตร ทันทีที่ความทุกข์ร้อนของราษฎรทราบยังฝ่าละอองธุลีพระบาท ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้องคมตรี เชิญถุงพระราชทานเครื่องอุปโภคบริโภคและสิ่งจำเป็นขั้นพื้นฐานไปมอบแก่ราษฎรผู้ที่กำลังประสบทุกข์ภัย พร้อมเชิญพระราชกระแสรับสั่งทรงห่วงใยไปกล่าว เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่ราษฎรในพระองค์

 

ด้านความกตัญญูกตเวที

ด้วย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงยึดถือความกตัญญูกตเวทีเป็นธรรมะประจำพระราชหฤทัย ดังที่พระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ทรงยึดถือปฏิบัติมาทุกยุคทุกสมัย เมื่อถึงเทศกาลสำคัญพระองค์จะทรงบำเพ็ญพระราชกุศลอุทิศถวายแด่สมเด็จพระบรมราชบุรพการี ตามหลักพระพุทธศาสนา และเสด็จฯ ทรงประกอบพระราชพิธีสังเวยพระป้าย อันหมายถึงการถวายอาหารไหว้บรรพบุรุษตามธรรมเนียมจีนเนื่องในเทศกาลตรุษจีน ซึ่งเริ่มมีมาตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อถวายราชสักการะแด่พระป้ายอันเป็นที่สถิตดวงพระวิญญาณของสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราช โดย “พระป้าย” เป็นป้ายชื่อของบรรพบุรุษบุพการีที่ตั้งไว้ในพระราชพิธี

นอกจากนี้เทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมายังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ข้าราชสำนักผู้ใหญ่เชิญเครื่องสรงน้ำสงกรานต์ไปพระราชทานพระอนุวงศ์ผู้ใหญ่ เป็นการแสดงพระราชกตัญญุตาธรรมตามโบราณราชประเพณีที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ ผู้แทนพระองค์ เชิญเครื่องสรงน้ำสงกรานต์ไปพระราชทาน ม.จ.ภีศเดช รัชนี, พลเรือเอก ม.จ.ปุสาณ สวัสดิวัฒน์ และ ม.จ.มงคลเฉลิม ยุคล

 

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประกอบพระราชพิธีสังเวยพระป้าย

 

แหล่งที่มา https://th.hellomagazine.com/royalty-news/thailand-royal-news/king-rama-10-bio/