กองทัพเรือที่ประชาชนเชื่อมั่นและภาคภูมิใจ                                       กองทัพเรือที่ประชาชนเชื่อมั่นและภาคภูมิใจ                                         กองทัพเรือที่ประชาชนเชื่อมั่นและภาคภูมิใจ

โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ รัชกาลที่ ๙ “ด้านสมุนไพร”

Release Date : 08-07-2021 00:00:00
โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ รัชกาลที่ ๙  “ด้านสมุนไพร”

เป็นที่ทราบกันอย่างดีว่า พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้ทรงประกอบพระราชกรณียกิจในด้านต่าง ๆ มากมาย อันเป็นประโยชน์แก่ชาวไทยตลอดพระชนมายุของพระองค์ ซึ่งประชาชนชาวไทยทั้งปวงเห็นพ้องกันว่า พระองค์ทรงประกอบด้วยทศพิธราชธรรมและนำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ประเทศชาติและประชาชนอย่างใหญ่หลวง จึงร่วมกันลงนามเพื่อถวายสมัญญานามให้ทรงเป็น “มหาราช” อยู่ในใจคนไทยทั้งชาติ

พระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้ ในงานด้านต่าง ๆ งานด้านเกษตร การแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรมากมาย งานที่ช่วยยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนช่วยให้มีงานทำ การฟื้นฟูอนุรักษ์ทรัพยากรต่าง ๆ โดยเฉพาะทรัพยากรทางน้ำ ไม่ว่าจะมีโครงการแก้ปัญหาภัยแล้ง น้ำท่วม แก้ปัญหาน้ำเสีย รวมถึงโครงการพัฒนาแหล่งน้ำต่าง ๆ งานฟื้นฟูอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น อนุรักษ์พันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์ และงานด้านส่งเสริมการใช้สมุนไพร ฯลฯ

กล่าวเฉพาะงานด้านสมุนไพร ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระองค์ท่านทรงมีวิสัยทัศน์ลึกซึ้งและกว้างไกลยิ่งนัก ทรงเห็นความสำคัญของสมุนไพรและการส่งเสริมการปลูกสมุนไพรมาตั้งแต่เมื่อ ๓๖ ปีที่แล้ว

 

โดยพระองค์ท่านดำริให้ตั้ง โครงการศูนย์การศึกษาและพัฒนาเขาหินซ้อน ที่อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา ในพื้นที่ ๑๕ ไร่ จัดสร้างสวนป่าสมุนไพร เพื่อรวบรวมและปลูกพืชสมุนไพรชนิดต่าง ๆ  ไว้ศึกษาวิจัยทางวิชาการ และส่งเสริมการเผยแพร่การใช้ประโยชน์ ให้เป็นแหล่งศึกษาหาความรู้แก่นักเรียน นักศึกษาและประชาชนที่สนใจ

 

เมื่อวันที่ ๒๑ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๒๓ พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงปลูกต้นมหาโพธิ์ ณ สวนป่าสมุนไพรนี้ และมีการจารึกข้อความบนศิลาจารึก ณ สวนป่าสมุนไพรเขาหินซ้อน ซึ่งมีด้วยกัน ๔ ด้าน ดังนี้

ด้านที่ ๑ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ทรงมีพระราชดำริว่าสมุนไพรอันเกิดในพระราชอาณาเขต มีสรรพคุณเป็นยารักษาโรคอย่างวิเศษมาแต่โบราณกาลนั้นนับวันจะลดน้อยถอยลงตามลำดับ เพราะขาดผู้อุปถัมภ์บำรุง ศึกษาให้ชัดเจน มิได้เป็นกาลต่อเนื่องแต่กาลก่อน จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ใช้พื้นที่เขาหินซ้อน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา จัดทำเป็นโครงการสวนป่าสมุนไพร

ด้านที่ ๒ วันที่ ๒๕ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๒๕ ตรงกับวันพุธขึ้น ๗ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีจอ ร.ศ.๒๐๑ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ทรงวางศิลาฤกษ์ สร้างศิลาจารึก ณ โครงการสวนป่าสมุนไพร ศูนย์การศึกษาพัฒนาเขาหินซ้อนแห่งนี้

ด้านที่ ๓ เริ่มดำเนินการก่อสร้างโดยใช้เงินงบประมาณพัฒนาจังหวัด จำนวน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท  เมื่อวันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๓๕ ตรงกับวันจันทร์ แรม ๕ ค่ำ เดือน ๘ ปีมะแม ร.ศ.๒๑๐ ขอให้สวนป่าสมุนไพรแห่งนี้ จงเจริญก้าวหน้า และยังประโยชน์สงเคราะห์เกื้อกูลแก่ประชาชนคนไทย โดยทั่วหน้าสืบไปชั่วกาลนานเทอญ

ด้านที่ ๔ ทรงตั้งพระราชหฤทัยให้เป็นศูนย์กลางการสมุนไพร เพื่อการศึกษาขั้นพื้นฐาน และการวิจัยทางวิชาการอันเป็นแหล่งทัศนศึกษา และเผยแพร่ ให้ความรู้การใช้สมุนไพรเป็นอาหาร บำบัดโรค บำรุงรักษาสุขภาพ

อันจะช่วยแบ่งเบาภาระทางเศรษฐกิจในครัวเรือนแก่พสกนิกรทั่วไป

โครงการในพระราชดำริเกี่ยวกับสมุนไพรยังมีอีกหลายโครงการ แต่อาจกล่าวว่า โครงการศูนย์การศึกษาและพัฒนาเขาหินซ้อน เป็นจุดเปลี่ยนแปลงที่สำคัญให้กับวงการสมุนไพรของไทย เพราะยังจำได้ดีว่า สมัยโครงการสมุนไพรเพื่อการพึ่งตนเองเริ่มก่อตั้งและทำงานในพื้นที่กับชาวบ้านกับผู้ใหญ่วิบูลย์ เข็มเฉลิม ที่อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา ในช่วงปี ๒๕๒๓ ถึงราวปี ๒๕๓๐ นั้น ได้รับความร่วมมือและการสนับสนุน จากเจ้าหน้าที่ในโครงการดังกล่าวอย่างมาก และถือเป็นแหล่งที่เก็บพันธุ์สมุนไพรมาจนถึงปัจจุบัน

มูลนิธิสุขภาพไทยขอน้อมสืบสานพระราชปณิธาน ใคร่ขอนำตัวอย่างผลงานชิ้นเล็ก ๆ จากการประชุมวิชาการประจำปี การแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน และการแพทย์ทางเลือกแห่งชาติ ครั้งที่ ๑๓ ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับความตั้งใจของพระองค์ที่สนับสนุนการศึกษาวิจัยการปลูกพืชสมุนไพร

ขอนำเรื่อง การศึกษาการเจริญเติบโตและผลผลิตของพลูคาว ที่ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ โดย สุพัฒธณกิจ โพธิ์สว่าง (ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ สถาบันวิจัยพืชสวน กรมวิชาการเกษตร) มาเล่าโดยย่อ

 

การศึกษานี้มาจากโจทย์ว่า พลูคาว (Houttuynia cordata Thunb.) พบมากในภาคเหนือ ทั้งที่ขึ้นตามธรรมชาติและที่ปลูกเอง สารออกฤทธิ์ที่มีในพลูคาวมีคุณสมบัติในการทำลายและยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง มีฤทธิ์ต้านไวรัสและแบคทีเรีย

แต่ปัจจุบันในการผลิตพลูคาวยังขาดพันธุ์ที่ให้สารสำคัญสม่ำเสมอ การปลูกในสภาพพื้นที่ต่างกันให้สารสำคัญต่างกัน จึงต้องศึกษาการปลูก การเก็บเกี่ยว และการปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยว เพื่อให้ได้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ มีสาระสำคัญที่มีฤทธิ์ทางเภสัชที่สูง

ผลสรุป โดยย่อ จากการทดลองเมื่อบำรุงรักษาไปจนครบระยะ ๖ เดือน ซึ่งพืชมีความสมบูรณ์พร้อมสำหรับการเก็บเกี่ยว พบว่า สายพันธุ์ใบเขียวลำปาง สายพันธุ์ใบแดงพิษณุโลก สายพันธุ์ก้านม่วงแพร่ ๒ และสายพันธุ์ใบเขียวสุโขทัย มีแนวโน้มให้ผลผลิตที่คิดเป็นน้ำหนักสดต่อตารางเมตรสูงกว่าสายพันธุ์อื่น

อย่างไรก็ตาม เมื่อนำผลผลิตสดดังกล่าวมาอบแห้ง พบว่าน้ำหนักแห้งที่ได้จากทุกสายพันธุ์ไม่มีความแตกต่างกันทางสถิติ แต่ที่สำคัญของการศึกษานี้อยู่ที่ การพิจารณาจากปริมาณสารสำคัญสองชนิดที่ทำการตรวจวิเคราะห์ คือ Quercitin พบว่า สายพันธุ์ก้านม่วงแพร่ ๑ มีแนวโน้มพบสารสำคัญดังกล่าวในผลผลิตสดมากกว่าสายพันธุ์อื่น

ส่วน Rutin พบว่ามีแนวโน้มพบในสายพันธุ์ใบเขียวลำปางสูงกว่าสายพันธุ์อื่น แม้ว่าเป็นการศึกษาเบื้องต้นแต่ก็ช่วยให้กลุ่มผู้ปลูกสมุนไพรที่คิดจะผลิตวัตถุดิบพลูคาว ได้รู้ว่าควรปลูกสายพันธุ์ไหน

สถิตอยู่ในใจตราบนิรันดร์ น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้ ข้าพระพุทธเจ้า คณะกรรมการและเจ้าหน้าที่มูลนิธิสุขภาพไทย

 

แหล่งที่มา https://www.matichonweekly.com/scoop/article_12457