พระราชดำริ
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีพระราชดำริให้สำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนาดำเนินการศึกษา และทดลองปลูกชาน้ำมัน จากประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน และพืชน้ำมันอื่น ๆ และได้พระราชทานพระราชานุมัติแต่งตั้ง หม่อมราชวงศ์ ดิศนัดดา ดิศกุล ให้เป็นผู้อำนวยการโครงการศึกษาและพัฒนาการปลูกชาน้ำมัน และพืชน้ำมันอื่น ๆ ของมูลนิธิชัยพัฒนา ตั้งแต่ปี ๒๕๔๘ ต้นชาน้ำมันที่ทดลองปลูกในพื้นที่เขตเชียงราย และเชียงใหม่ มีการเจริญเติบโตดี ติดผลในปีที่ ๓ - ๔ และพบว่ามีปริมาณน้ำมันในเมล็ดชาที่ปลูกในประเทศไทย สูงถึงร้อยละ ๓๐ - ๓๕
จากนั้น สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีพระราชดำริให้ จัดตั้ง “ศูนย์วิจัยและพัฒนาชาน้ำมันและพืชน้ำมันอื่น ๆ ” เพื่อเป็นโรงงานผลิตน้ำมันชา และพืชน้ำมันอื่นๆ ซึ่งโรงงานนี้จะผลิตน้ำมันคุณภาพสูงสำหรับการบริโภค เครื่องสำอาง และยารักษาโรค นอกจากนั้นยังมีส่วนผลิต ผลิตภัณฑ์จากกากวัตถุดิบที่เหลือ เพื่อใช้ประโยชน์สูงสุดจากทุกส่วนของพืชนั้น ๆ และมีพระราชดำริให้โรงงานชาน้ำมันเป็นโรงงานต้นแบบ สามารถเข้าชมได้ทุกจุดของโรงงาน มีขั้นตอนที่เข้าใจง่าย สะอาด มีการคำนึงถึงระบบสิ่งแวดล้อมแบบธรรมชาติ มีระบบควบคุมการใช้พลังงาน ให้โรงงานเป็นโรงงานที่มีรูปแบบทันสมัย สวยงามและมีสีสัน ด้านนอกทำเป็นส่วนพักผ่อนสาธารณะ เป็นจุดท่องเที่ยวที่สวยงาม และได้ความรู้เกี่ยวกับพืชน้ำมัน
หน่วยงานที่รับผิดชอบ สำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนา
ผลการดำเนินงาน
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานพระราชานุมัติให้สำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนาเริ่มดำเนินการจัดสร้างศูนย์วิจัยและพัฒนาชาน้ำมันและพืชน้ำมันอื่นๆ ตั้งแต่เดือนเมษายน ๒๕๕๓ และมีกำหนดการแล้วเสร็จเพื่อเปิดดำเนินการในส่วนแรก ในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ โดยแบ่งการทำงานออกเป็นส่วนประกอบที่สำคัญ ดังนี้
๑. การจัดสร้างอาคาร และสิ่งก่อสร้างในพื้นที่ ดำเนินการโดยคณะทำงานในส่วนการก่อสร้างอาคารและโรงงาน โดยมี พันเอกศยาม จันทรวิโรจน์ และร้อยเอกจิทัศ ศรสงคราม เป็นผู้รับผิดชอบ ปัจจุบันได้ดำเนินการตามแผนงาน และจะส่งมอบงานการก่อสร้างอาคารในวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๓
๒. งานส่วนเครื่องจักรในโรงงาน ดำเนินการโดยคณะทำงานในส่วนการจัดสร้างเครื่องจักร โดยมี รศ.ดร.สัณห์ชัย กลิ่นพิกุล และ ผศ.ดร.สุรพงศ์ นวังคสัตถุศาสน์ เป็นผู้รับผิดชอบ โดยการจัดสร้างเครื่องจักรในประเทศ ใช้เทคโนโลยีจากเครื่องบีบน้ำมันปาล์มเป็นต้นแบบ และปรับปรุงให้สามารถใช้กับชาน้ำมัน และพืชน้ำมันอื่น ๆ ได้ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินการจัดสร้าง และจะได้ติดตั้ง และทดสอบการดำเนินการ เพื่อให้พร้อมใช้งานในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๔
๓. งานปรับภูมิทัศน์ภายนอก และการตกแต่งภายในอาคาร มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง รับผิดชอบและดำเนินการ โดยเริ่มดำเนินการในวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ และมีกำหนดการแล้วเสร็จในส่วนที่สำคัญ พร้อมสำหรับเปิดโครงการในเดือน กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔
แนวทางการดำเนินงานในปี ๒๕๕๔
ศูนย์วิจัยและพัฒนาชาน้ำมันและพืชน้ำมันอื่นๆ จะเริ่มเปิดดำเนินการในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ โดยในระยะแรกภายในเดือนเมษายน ๒๕๕๔ เริ่มทดลองและผลิตชาน้ำมันจากผลผลิตเมล็ดชาน้ำมันที่ปลูกในโครงการศึกษา และพัฒนาการปลูกชาน้ำมัน และพืชน้ำมันอื่นๆ ของมูลนิธิชัยพัฒนา จังหวัดเชียงราย และในช่วงเดือน ที่ไม่มีผลผลิตชาน้ำมัน (เดือนเมษายน – เดือนพฤศจิกายน) จะทำผลิตน้ำมันจากงา เมล็ดทานตะวัน และมะรุม รวมทั้งจะได้ศึกษาวิจัย และทดลองผลิตน้ำมันจากฟักทอง
นอกจากนี้ จะได้เปิดร้านจำหน่ายอาหารที่ใช้น้ำมันชา และผลผลิตด้านการเกษตรจากโครงการของมูลนิธิชัยพัฒนาในการประกอบอาหารและจัดทำร้านขายของที่ระลึกจำหน่ายสินค้าโครงการ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เพื่อการบริโภค เช่น น้ำมันชา น้ำมันทานตะวัน น้ำมันงา และผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่าอื่นๆ เช่น เครื่องสำอาง และ น้ำสลัด เป็นต้น
ลักษณะโครงการ / กิจกรรมภายในโครงการ
๑. ลานนิทรรศการ บอกเล่าความเป็นมาของศูนย์วิจัยและพัฒนาชาน้ำมันและพืชน้ำมัน และความรู้เกี่ยวกับชา น้ำมันและพืชน้ำมันต่างๆ
๒. โรงงาน เดินชมกระบวนการผลิตน้ำมันได้ทุกขั้นตอนและมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลและให้ข้อมูล
๓. ร้านอาหารเมล็ดชา บริการอาหารและเครื่องดื่มต่างๆ มีเมนูอาหารพระราชทานและอาหารต่าง ๆ
ที่ปรุงจากน้ำมันเมล็ดชา
๔. ร้านค้าเมล็ดชา จำหน่ายสินค้าที่ผลิตจากโครงการศูนย์วิจัยและพัฒนาชาน้ำมันฯ และโครงการอื่น ๆ ของมูลนิธิชัยพัฒนา
๕. สวนโดยรอบโครงการ เปิดให้ประชาชนเข้าใช้สถานที่เพื่อการพักผ่อนหย่อนใจและออกกำลังกายได้
๖. สวนสาธิตพืชน้ำมัน เข้าชมสวนพืชน้ำมันด้านหลัง ซึ่งปลูกพืชน้ำมันหลายชนิด เช่น งาม้อน ไนเจอร์ เจีย เป็นต้น
แหล่งที่มา http://www.rpc.psu.ac.th/index.php/chaipat/๑๘-chaipat๐๑
แหล่งที่มา https://www.chaipat.or.th/royal-projects-in-various-regions/north/๑๐๒๑๔-๒๐๑๑-๐๓-๑๗-๐๒-๒๘-๗.html