กองทัพเรือที่ประชาชนเชื่อมั่นและภาคภูมิใจ                                       กองทัพเรือที่ประชาชนเชื่อมั่นและภาคภูมิใจ                                         กองทัพเรือที่ประชาชนเชื่อมั่นและภาคภูมิใจ

พระราชกรณียกิจ รัชกาลที่ ๙ “โครงการปลูกหญ้าแฝกเพื่อรักษาหน้าดิน”

Release Date : 04-01-2021 00:00:00
พระราชกรณียกิจ รัชกาลที่ ๙ “โครงการปลูกหญ้าแฝกเพื่อรักษาหน้าดิน”

เพื่อป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและปรับปรุงสภาพแวดล้อมให้ดีขี้น เนื่องจากหญ้าแฝกเป็นพืชที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์    ได้ง่าย มีรากที่ยาว แผ่กระจายลงไปในดินตรง ๆ เป็นแผง และง่ายต่อการรักษา เมื่อวันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๓๔ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำริเป็นครั้งแรกให้หน่วยงานต่าง ๆ ทำการศึกษา ทดลอง และดำเนินการปลูกหญ้าแฝกเพื่อเป็นการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและเพื่อประโยชน์อื่น ๆ หน่วยงานทั้งหลายจึงได้รับสนองพระราชดำริตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาโดยมีสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) เป็นผู้ประสานงาน

พระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ให้หน่วยงานต่าง ๆ ดำเนินการศึกษาทดลองเกี่ยวกับหญ้าแฝกมีใจความสรุปได้ว่า

๑. หญ้าแฝกเป็นพืชที่มีระบบรากลึก แผ่กระจายลงไปในดินตรง ๆ เป็นแผงเหมือนกำแพง ช่วยกรองตะกอนดินและรักษาหน้าดินได้ดี         จึงควรนำมาศึกษาทดลองปลูก ให้ทดลองปลูกหญ้าแฝกเพื่อป้องกันการพังทลายของดินในพื้นที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาและพื้นที่อื่น ๆ          ที่เหมาะสมอย่างกว้างขวาง

๒. การดำเนินการทดลองการปลูกหญ้าแฝก ให้พิจารณาลักษณะของภูมิประเทศ ซึ่งแบ่งตามลักษณะของพื้นที่ดังนี้

    ก. การปลูกหญ้าแฝกบนพื้นที่ภูเขา ให้ปลูกหญ้าแฝกตามแนวขวางของความลาดชันและในร่องน้ำของภูเขา เพื่อป้องกันการพังทลายของหน้าดินและช่วยเก็บความชื้นในดินไว้ด้วย
   ข. การปลูกหญ้าแฝกบนพื้นที่ราบ ให้ดำเนินการในลักษณะดังนี้
       – ปลูกโดยรอบแปลง
       – ปลูกลงในแปลง แปลงละ ๑ หรือ ๒ แนว
       – สำหรับแปลงพืชไร่ ให้ปลูกตามร่องสลับกับพืชไร่

   ค. การปลูกหญ้าแฝกรอบสระน้ำ เพื่อป้องกันอ่างเก็บน้ำมิให้ตื้นเขินอันเนื่องมาจากตะกอนจากการพังทลายของดิน ตลอดจนช่วยรักษาดินเหนืออ่าง และช่วยให้ป่าไม้ในบริเวณพื้นที่รับน้ำทวีความสมบูรณ์ขี้นอย่างรวดเร็ว

   ง. การปลูกหญ้าแฝกเหนือบริเวณแหล่งน้ำ ปลูกแฝกเป็นแนวป้องกันตะกอนดินและกรองของเสียต่าง ๆ ที่ไหลลงในแหล่งน้ำทั้งนี้ให้บันทึกภาพก่อนดำเนินการและหลังการดำเนินการไว้เป็นหลักฐาน

๓. ผลของการศึกษาทดลอง ควรเก็บข้อมูลทั้งทางด้านการเจริญเติบโตของลำต้นและราก ความสามารถในการอนุรักษ์ความสมบูรณ์ของดินและการเก็บความชื้นในดินและเรื่องพันธุ์หญ้าแฝกต่าง ๆ ด้วยกรมทางหลวงเป็นหน่วยงานหนึ่งที่ให้ความสำคัญของการอนุรักษ์ทรัพยากรดินและน้ำ รวมไปถึงผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อมอันเนื่องมาจากการชะล้างพังทลายของดินเชิงลาดถนน ได้ร่วมในโครงการพัฒนาและรณรงค์การใช้หญ้าแฝกอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยได้กำหนดเป็นนโยบายให้หน่วยงานด้านบำรุงทางและก่อสร้างทาง โดยเฉพาะทางหลวงที่ตัดใหม่ดำเนินการปลูกหญ้าแฝกเพื่อป้องกันการชะล้างพังทลายของดินลาดคันทางและลาดเหนือคันทางในสายทางต่าง ๆ พร้อมทั้งส่งเสริมเผยแพร่ข้อมูลเทคนิควิชาการเกี่ยวกับหญ้าแฝกแก่หน่วยงานในส่วนภูมิภาค และจัดทำวิดีทัศน์โครงการปลูกหญ้าแฝกเกี่ยวกับการประยุกต์ เทคนิควิธีการปลูกหญ้าแฝกในงานทาง

        พื้นที่เป้าหมายใการดำเนินการปลูกหญ้าแฝกของกรมทางหลวงคือ เชิงลาดดินตัดเหนือคันทาง (Back Slope) เชิงลาดดินถมคันทาง (Side Slope) ที่สูงและมีแนวโน้มที่จะเกิดการชะล้างพังทลายของดิน สำหรับสายทางในพื้นที่ ภูเขา ภาคเหนือ ภาคใต้ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งส่วนใหญ่ปกคลุมด้วยดินทรายที่สลายตัวมาจากหินแกรนิตและหินทราย เป็นพื้นที่เป้าหมายเพื่อป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและการอนุรักษ์ดิน

การปลูกหญ้าแฝกบริเวณเชิงลาดทางมีอยู่ ๒ ลักษณะ

ขึ้นอยู่กับสภาพความรุนแรงหรือแนวโน้มของการจะเกิดการชะล้างพังทลายของเชิงลาดทางคือ

๑. การปลูกในพื้นที่เชิงลาดที่มีแนวโน้มของการเกิดการชะล้างพังทลายของดินต่ำ การปลูกหญ้าแฝกในพื้นที่เชิงลาดนี้เป็นรูปแบบการปลูกโดยทั่วไปมีลักษณะการปลูกหญ้าแฝกเป็นแถวขวางแนวลาดเท โดยมีระยะห่างระหว่างกอกล้าแฝกในแถวอยู่ในช่วง ๑๐ เซนติเมตร และมีระยะห่างระหว่างแถวที่ปลูกตามแนวลาดเท ประมาณ ๑.๐๐ เมตร

๒. การปลูกในพื้นที่เชิงลาดที่ได้เกิดการชะล้างพังทลายหรือมีแนวโน้มของการเกิดการชะล้างพังทลายของดินสูง การปลูกหญ้าแฝกในพื้นที่ลักษณะนี้เพื่อลดหรือป้องกันไม่ให้การพังทลายของดินเกิดลุกลามขยายตัวรุนแรงขึ้น หรือเป็นการปลูกในงานก่อสร้างแก้ไขการเคลื่อนตัวของดิน ลักษณะการปลูกจะลดระยะห่างระหว่างกอกล้าแฝกในแถวเป็น ๕ เซนติเมตร และมีระยะห่างระหว่างแถวที่ปลูกตามแนวลาดเทประมาณ ๕๐ เซนติเมตร

จากการดำเนินการโครงการพัฒนาและรณรงค์การใช้หญ้าแฝกของกรมทางหลวง สามารถสรุปผลการดำเนินการได้ดังนี้

๑. การปลูกหญ้าแฝกบริเวณพื้นที่เชิงลาดถนนสามารถป้องกันหรือลดการชะล้างพังทลายของดินได้ และเป็นวิธีการที่ใช้เทคโนโลยีอย่างง่าย ราคาถูก ให้ผลทางด้านสิ่งแวดล้อมที่ดี

๒. การป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน โดยการปลูกหญ้าแฝกเป็น “Long Term Stabilized Slope” ในสภาวะที่เหมาะสมหลังการปลูกเป็นเวลาประมาณ ๑ ปี หรือ ๑ ฤดูฝน หญ้าแฝกจึงจะมีประสิทธิภาพในการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินได้ เนื่องจากรากจะเจริญเติบโตยาวประมาณ ๑ เมตร และกอหญ้าแฝกในแถวจะเจริญเติบโตชิดติดกัน

๓. ช่วงระยะเวลาการปลูกที่เหมาะสมสำหรับการปลูกหญ้าแฝกเป็นช่วงตันฤดูฝนหรือช่วงระยะเวลาในฤดูฝน

๔. ปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้การปลูกหญ้าแฝกประสบผลสำเร็จจ ได้ผลดีมีอัตราการรอดตายสูง คือ ช่วงระยะเวลาการปลูกที่เหมาะสม การปลูกหญ้าแฝกในพื้นที่ภาคใต้ได้ผลดี เนื่องจากมีฤดูฝนยาวนานถึง ๗ เดือน

๕. การปลูกหญ้าแฝกในบริเวณลาดดินถมคันทาง (Side Slope) จะได้ผลดี หญ้าแฝกมีการเจริญเติบโตดีกว่าการปลูกบริเวณลาดดินตัดเหนือคันทาง (Back Slope) เนื่องจากสภาพความสมบูรณ์และลักษณะความแน่นของดิน

๖.หลังการปลูกหญ้าแฝกมีความจำเป็นที่ต้องดูแลรักษา กำจัดวัชพืช และใส่ปุ๋ย เป็นเวลา ๑ – ๒ ปี

๗. การปลูกหญ้าแฝกในบริเวณที่มีแนวโน้มที่จะเกิดการชะล้าง พังทลายของดินได้สูงหรือรุนแรงหรือบริเวณที่ได้เกิดการเคลื่อนตัวของดินแล้วให้ลดระยะห่างของการปลูกลงโดยมีระยะห่างระหว่างกอแฝก ๕ เซนติเมตร และมีระยะห่างระหว่างแถว ๕๐ เซนติเมตร

๘. กล้าหญ้าแฝกที่ปลูกควรเป็นกล้าแฝกที่ปลูกชำในถุงพลาสติกที่อภิบาลไว้ก่อนนำไปปลูกประมาณ ๔๕ – ๖๐วัน

๙. การปลูกหญ้าแฝกในบางพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในพื้นที่ภาคเหนือหญ้าแฝกไม่เจริญเติบโตหรือเจริญเติบโตไม่ดี เนื่องจากหญ้าในพื้นที่หรือวัชพืชเจริญเติบโตงอกงามและแพร่พันธุ์ได้เร็วกว่า

กรมทางหลวงได้นำเทคนิควิธีการหญ้าแฝกมาประยุกต์ใช้ในการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินเชิงลาดถนนตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๓๖ จนถึงปัจจุบัน และได้มีการฝึกอบรมถ่ายทอดความรู้เทคนิคการปลูกหญ้าแฝกในงานทางแก่เจ้าหน้าที่กรมทางหลวงในส่วนภูมิภาค เพื่อเจ้าหน้าที่กรมทางหลวงได้มีความรู้เข้าใจถึงประโยชน์ของหญ้าแฝกในการป้องงกันการชะล้างพังทลายของดิน เป็นการป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นและประหยัดงบปประมาณด้านบำรุงรักษา โดยได้มีการนำหญ้าแฝกมาใช้ประโยชน์ปลูกในสายทางต่าง ๆ ที่มีปัญหาการชะล้างพังทลายของดิน ในสายทางพื้นที่ภูเขาภาคเหนือ-ภาคใต้ ในลักษณะที่เป็นงานส่วนหนึ่งซี่งสามารถกระทำได้เป็นปกติ ที่ดำเนินการได้เอง เมื่อเกิดปัญหาในงานบำรุงปกติ งานก่อสร้างแก้ไขการเคลื่อนตัวของเชิงลาด (Slide) ตลอดจนแขวงการทางบางแห่งได้มีการปลูกขยายพันธุ์กล้าหญ้าแฝกสำรองไว้ใช้เอง

 กรมทางหลวงได้ดำเนินการปลูกหญ้าแฝกในพื้นที่สายทางงานก่อสร้างทางและงานบำรุงทาง ในแต่ละปีประมาณ ๔ ล้าน กล้า เพื่อเป็นการ “ปลูกหญ้าแฝก ปลูกแผ่นดิน” ตามแนวพระราชดำริ

การปรับปรุงประสิทธิภาพระบบวิธีหญ้าแฝก (VETIVER SYSTEM)
ในงานทาง เพื่อความยั่งยืน และลดการบำรุงรักษา

            กรมทางหลวงได้ดำเนินการสนองพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยการนำเทคนิควิธีการปลูกหญ้าแฝกมาใช้ในงานทาง เพื่อลดหรือป้องกันผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อม การป้องกันแก้ไขความเสียหายเชิงลาดทางจากการชะล้างพังทลายของดินในสายทางพื้นที่ภูเขา ตั้งแต่ปี ๒๕๓๖ เนื่องจากหญ้าแฝกมีระบบรากยาว(๒.๕ – ๓ ม.) แผ่กระจายหยั่งลึกสานกันหนาแน่นยึดเม็ดดินไว้ สามารถป้องกันการชะล้างพังทลายและการวิบัติเคลื่อนตัวระดับตื้นของดินเชิงลาดได้ ในแต่ละปี กรมทางหลวงดำเนินการปลูกหญ้าแฝกประมาณ ๒.๕ – ๔ ล้านกล้า และมีโครงการ/กิจกรรมงานด้าน หญ้าแฝกที่ดำเนินงานในรูปคณะกรรมการและคณะทำงานร่วมกับส่วนราชการอื่น ๆ อยู่ ๓ คณะ คือ

          ๑) คณะกรรมการโครงการพัฒนาและรณรงค์การใช้หญ้าแฝกอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สำนักงานคณะกรรมการพิเศษ เพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) เป็นแกนกลางในการประสานงานดำเนินการมี ๓๕ หน่วยงานร่วมเป็นคณะกรรมการฯ ท่านอธิบดี กรมทางหลวงร่วมเป็นคณะกรรมการฯ ดำเนินการตั้งแต่ปี ๒๕๓๖ – ปัจจุบันตามแผนแม่บทการพัฒนา และรณรงค์การใช้หญ้าแฝกฉบับที่ ๑ – ๓ (ฉบับที่๓ ปี พ.ศ.๒๕๔๖ – ๒๕๔๙) ภายในแผนปฏิบัติการ โครงการพัฒนาและรณรงค์การใช้หญ้าแฝกอันเนื่องมาจากพระราชดำริของกรมทางหลวง ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๔๖ คือแผนงานการส่งเสริม การปลูกหญ้าแฝกเพื่อการอนุรักษ์ดินและน้ำ สายทางพื้นที่ภูเขาที่มีปัญหาการชะล้างพังทลายของดิน ดำเนินการปลูกหญ้าแฝกประมาณปีละ ๒.๕ – ๓.๕ ล้านกล้าประกอบด้วย

              – โครงการปลูกหญ้าแฝกงานด้านบำรุงทาง กิจกรรมการปลูกหญ้าแฝกสำนักทางหลวง ประกอบด้วยสำนักทางหลวงที่ ๑,๒,๔,๖,๙,๑๓,๑๔ และ ๑๕

              – โครงการปลูกหญ้าแฝกงานก่อสร้างสายทาง กิจกรรมการปลูกหญ้าแฝก โครงการก่อสร้างศูนย์สร้างทาง ประกอบด้วยศูนย์สร้างทางสงขลา, ขอนแก่น , ลำปาง และตาก

          ๒) คณะทำงานปลูกหญ้าแฝกมูลนิธิโครงการหลวง ดำเนินการตั้งแต่ ก.ย. ๒๕๔๖ – ปัจจุบัน ท่านอธิบดีกรมทางหลวงร่วมเป็นคณะทำงาน ได้รับเงินสนับสนุนการปลูกหญ้าแฝกและศึกษา ในทางหลวงหมายเลข ๓๒๗๒ บ.ไร่ – ปิล๊อก อ.ทองผาภูมิ ปี ๒๕๔๗ – ๒๕๔๙ ประมาณ ๓ ล้านบาท และทางหลวงหมายเลข ๑๒๖๕ ตอน อ.ปาย – วัดจันทร์ ศูนย์สร้างทางลำปาง ประมาณ ๓๓๘,๔๐๐ บาท ปี ๒๕๔๗  

              – ๒๕๔๘ ดำเนินการปลูกหญ้าแฝกประมาณ ๖ แสนกล้า

          ๓) โครงการปลูกหญ้าแฝกเฉลิมพระเกียรติฯ ประจำปี ๒๕๔๙ – ๒๕๕๐ จัดตั้งเมื่อ ๙ พฤษภาคม ๒๕๔๘ ท่านปลัดกระทรวงคมนาคมหรือผู้แทนเป็นกรรมการฯ กรมพัฒนาที่ดินเป็นแกนกลางในการประสานงาน ดำเนินการและให้การสนับสนุนพันธุ์กล้าหญ้าแฝก กระทรวงคมนาคม มอบหมายให้กรมทางหลวง ร่วมดำเนินการปลูกหญ้าแฝกเฉลิมพระเกียรติฯ โดยมีแผนงานการปลูกหญ้าแฝกโดยสำนักทางหลวง และศูนย์สร้างทางในปีต่าง ๆ ดังนี้

             – ปี ๒๕๔๙ ประมาณ ๒,๘๐๐,๐๐๐ กล้า

             – ปี ๒๕๕๐ ประมาณ ๔,๕๐๐,๐๐๐ กล้า

โครงการศึกษาวิจัยเชิงปฏิบัติการ การปรับปรุงประสิทธิภาพระบบ วิธีหญ้าแฝกในงานทาง เพื่อความยั่งยืน และลดการบำรุงรักษา

การปลูกหญ้าแฝกในงานทางมีความแตกต่างจากการปลูกในพื้นที่เกษตรกรรม ทั้งในความลาดชันของพื้นที่ และปริมาณแร่ธาตุอาหารที่จำเป็นแก่การเจริญเติบโตของพืช ยิ่งกว่านั้นในบางพื้นที่ หญ้าแฝกไม่เจริญเติบโตหรือตายไม่ปรากฏอยู่ในพื้นที่ปลูกหลังการปลูก ๑-๒ ปี โดยจะถูกวัชพืชที่เป็นหญ้าท้องถิ่นซึ่งเจริญเติบโตได้ดีกว่าปกคลุม ทำให้มีความจำเป็นต้องทำการดูแล รักษากำจัดวัชพืช โครงการศึกษาวิจัยเชิงปฏิบัติการ การปรับปรุงประสิทธิภาพระบบวิธีหญ้าแฝกนี้ ดำเนินการในทางหลวงหมายเลข ๓๒๗๒ ตอนบ้านไร่ – ต่อเขตควบคุมองค์การบริหารส่วนตำบลปิล๊อก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี (รูปที่ ๑) กำหนดพื้นที่ปลูก แปลงทดลอง ๗ แห่ง รวม ๒๑ แปลงทดลอง ระยะเวลาดำเนินการโครงการฯ ปี ๒๕๔๗ – ๒๕๔๙ โดยได้รับเงินสนับสนุนจากมูลนิธิโครงการหลวง ๓ ล้านบาท ทำการศึกษาวิจัย ๓ ลักษณะ คือ

              – การศึกษาเปรียบเทียบ วิธีการบำรุงรักษาหลังการปลูก เพื่อหาวิธีการและค่าใช้จ่ายการบำรุงรักษา

              – การศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิภาพการปิดกั้นวัชพืชโดย พืชถั่ว Arachis Pinto เพื่อปรับปรุงรูปแบบการ ปลูกหญ้าแฝกให้มีประสิทธิภาพสูงสุดเกิดความยั่งยืนคงอยู่ในพื้นที่ โดยการนำพืชที่เป็นประโยชน์และสามารถปลูกร่วมกับหญ้าแฝกได้ดีเช่น ถั่ว Pinto ซึ่งเป็นพืชที่มีลักษณะ เจริญเติบโตเลื้อยแนบติดดินสามารถปิดกั้นวัชพืช มาปลูกระหว่างแถวหญ้าแฝก อันจะเป็นผลให้ลดค่าใช้จ่าย ในการบำรุงรักษาหลังการปลูก(กำจัดวัชพืชและใส่ปุ๋ย) รูปที่ ๒

              – การศึกษาเปรียบเทียบหารูปแบบการปลูกถั่ว Arachis Pinto ที่เหมาะสม เพื่อหาระยะห่างระหว่างกล้าและแถวของการปลูกถั่ว Pinto ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด

                ดำเนินการจัดเก็บข้อมูล อัตราการเจริญเติบโต %การรอดตาย ค่าใช้จ่ายในการปลูก การบำรุงรักษา อัตราการปกคลุมพื้นที่โดยวัชพืชและการปกคลุมพื้นที่ปิดกั้นวัชพืชโดยถั่ว Pinto การปลูกหญ้าแฝก ในงานทางให้ได้ผลดีมีความยั่งยืน จากการศึกษาพบว่า มีความจำเป็นต้องทำการปรับปรุงดิน โดยการรองก้นหลุมปลูกด้วยปุ๋ยมูลไก่ หนาประมาณ ๒ ซม.(๐.๖ กก.) หรือใช้ปุ๋ยคอกประมาณ ๒ กก.ผสมปุ๋ยเคมีสูตร ๑๕:๑๕:๑๕ หรือ ๑๖:๑๖:๑๖ ประมาณ ๖๐ กรัมต่อความยาวแถวร่องปลูก ๑ เมตร กล้าแฝกที่ปลูกควรเป็นกล้าที่เพาะชำในถุงเพาะชำ ที่มีอายุประมาณ ๔๕ – ๖๐ วัน ช่วงระยะเวลาการปลูกที่เหมาะสมเป็นต้นฤดูฝนประมาณ เดือนพฤษภาคม และสำหรับภาคใต้ เดือนพฤศจิกายนสำหรับพื้นที่ฝั่งทะเลตะวันออกและมีนาคมสำหรับฝั่งทะเลอันดามัน รูปแบบการปลูกหญ้าแฝกปลูกระยะห่างระหว่างแถวประมาณ ๑ เมตร ระยะห่างระหว่างกอในแถว ๑๐ ซม. กรณีปลูกในพื้นที่วิกฤต ลดระยะห่างระหว่างแถวลงเป็น ๐.๕ เมตร ต้องมีการบำรุงรักษาหลังการปลูก ๑ – ๒ ปี หญ้าแฝกสามารถแตกกอชิดติดกันภายในเวลาประมาณ ๔ เดือน พืชถั่ว Pinto มีความเหมาะสมที่ปลูกร่วมกับ หญ้าแฝก และมีประสิทธิภาพสามารถ ปิดกั้นวัชพืชได้โดยปกคลุมพื้นที่ประมาณ ๒๕ – ๓๐ % ภายใน ระยะเวลาประมาณ ๔ เดือน และ ๘๐ – ๙๐ % ภายใน ๑ ปี (รูปที่ ๓) ทำให้ลดค่าใช้จ่ายความจำเป็นในการ กำจัดวัชพืชและใส่ปุ๋ย รูปแบบการปลูกถั่ว Pinto ที่เหมาะสม คือ ๑๐ X ๑๐ซม. และ ๒๕ X ๒๕ ซม.

ผลจากการศึกษาจะนำมาปรับปรุง กำหนดอัตราราคาค่างาน รูปแบบการปลูกและปรับปรุงจัดทำ แบบมาตรฐานการปลูกหญ้าแฝกสำหรับงานทางขึ้นใหม่ จัดทำคู่มือการปลูกหญ้าแฝกสำหรับงานทาง อันจะเป็นประโยชน์สำหรับกรมทางหลวง และส่วนราชการวิศวกรรมงานทางอื่น ๆ

รูปที่ ๑ การปลูกหญ้าแฝกป้องกันการชะล้างพังทลายและเพิ่มเสถียรภาพเชิงลาดทาง ทางหลวงหมายเลข ๓๒๗๒ ตอน บ.ไร่ – ปิล๊อก (อ.ทองผาภูมิ) กม. ๑๕+๓๒๕ – ๑๕+๕๑๐

รูปที่ ๒ การนำพืชตระกูลถั่ว Pinto ปลูกระหว่างแถวหญ้าแฝกเพื่อปิดกั้นวัชพืช ทำให้ลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา

รูปที่ ๓ การปิดกั้นวัชพืชของถั่ว Pintoสามารถขึ้นปกคลุมพื้นที่ประมาณ ๘๐ – ๙๐ % ใน ๑ ปี

แหล่งที่มา https://foot345.wordpress.com/โครงการปลูกหญ้าแฝก/